dog photo

หมารู้ไหม เมื่อเจ้านายแยกทาง

สุนัขรับรู้ความสัมพันธ์ที่แตกสลายของมนุษย์หรือไม่

สัตว์เลี้ยงที่อยู่ระหว่างรอยร้าวของความรักมนุษย์ สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อันซับซ้อน แม้มันรักคุณทั้งคู่ แต่ทำอย่างไรจะลดผลกระทบในเชิงจิตวิทยาต่อสัตว์เลี้ยงที่อยู่ตรงกลาง

ขณะที่เกิดความรักอะไรดีๆ ก็มักเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งชีวิต 2 ชีวิตก็ยังไม่พอ พวกเราจึงจูงมือกันไปหาสมาชิกมาเพิ่มเติมเพื่อสร้างเจตจำนงร่วมกัน คุณและเขาอยากได้ลูกหมาน่ารักสักตัวมาวิ่งเล่นในบ้าน เฝ้ามองมันเรียนรู้และเติบโต พร้อมๆ กับการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน

แต่เมื่อถึงวันที่ความรักจางหาย คนแยกกันยังไม่พอ ทรัพย์สินสมบัติต่างๆ ก็ต้องแยกออกจากกันด้วย มีเรื่องมากมายเต็มไปหมดที่คุณต้องจัดการหลังความสัมพันธ์จบลง ขนข้าวของแฟนเก่าออกจากห้อง เก็บหนังสือที่เคยอ่านด้วยกันให้พ้นหูพ้นตา เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ก็รวบแล้วโยนโครมใส่ลังกระดาษ ตั๋วเครื่องบินทริปซัปโปโรเดือนหน้ายกเลิกแล้วจะได้เงินคืนไหม? เฟอร์นิเจอร์ IKEA ที่เลือกซื้อมาด้วยกัน ใครจะเอาชิ้นไหนไป ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมหากคุณมีเพื่อนในแวดวงเดียวกัน แทบต้องลากเส้นเลยว่า “ใครเพื่อนใคร” เพื่อเป็นการย้ำเตือนมิตรสหายทั้งหลาย ไม่ให้โคจรมาเจอกันจนเกิด awkward moment

มีสถิติของประเทศอังกฤษและเวลส์ ระบุว่า คู่รัก 42% ที่แต่งงานแล้วมีแนวโน้มพร้อมจะหย่า ซึ่งในครอบครัวเหล่านี้มีถึง 12 ล้านครัวเรือนที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านแทบทั้งสิ้น

แล้ว ‘หมา’ ล่ะ?

ถ้าคุณสองคนเคยตัดสินใจร่วมกัน ว่าจะเอาสุนัขมาเลี้ยงดุจสมาชิกในครอบครัว แล้วใครล่ะควรเป็นผู้ดูแลเมื่อความรักจบลง แม้สุนัขจะอยู่กับคุณคนใดคนหนึ่งก็ตาม มันจะลืมความสัมพันธ์ที่มีกับอีกคนไปอย่างถาวรเลยหรือเปล่า? ดังนั้น ไม่แปลกที่ความสัมพันธ์คุณจบมันจึงส่งอิทธิพลให้ความสัมพันธ์ของสัตว์เลี้ยงจบลงไปพร้อมๆกัน

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง “หมาคุณอกหักไปด้วยนั้นเอง”


ผู้เลี้ยงสุนัขหลังจากเลิกราล้วนสังเกตถึงพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงที่เปลี่ยนแปลงไป พวกมันดูฉุนเฉียวกว่าเดิม โมโหง่าย หรือแสดงออกอย่างสับสน Angie Johnson นักพฤติกรรมวิทยา (Ethology) ซึ่งเป็นสาขาวิชาหนึ่งของสัตววิทยา ศึกษาพฤติกรรมของสัตว์และกลไกที่สัตว์แสดงออกในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติของสัตว์ จาก Yale’s Canine Cognition Lab เคยกล่าวว่า

“สุนัขไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับวาระสุดท้าย (Finality)ในการตระหนักรู้ มันไม่รู้ช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดหรือยุติ แม้คุณจะรู้ว่าแฟนคุณได้เดินออกจากประตูบ้านไปและไม่มีวันกลับมาอีก แต่สุนัขไม่เข้าใจความหมายของการจากลา มันจึงอาจรอคอยแฟนคุณกลับมาอีกครั้ง”

แต่ประเด็นเรื่องกลิ่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่สุนัขคุณสังเกตความเปลี่ยนแปลง เมื่อเกิดการโต้เถียงรุนแรงจนเกิดบรรยากาศที่ไม่สู้ดีในบ้าน สุนัขมักสัมผัสถึงความไม่ลงรอยกันของผู้เลี้ยงดู ในหนังสือ Animals’ Agenda : Freedom, Compassion, and Coexistence in the Human Age เล่าเรื่องที่สุนัขพยายามหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยเช่นกันจากปัญหาครอบครัว หรือมีท่าทีคุกคามผิดปกติ ทำลายข้าวของทั้งๆ ที่ไม่เคยแสดงอาการมาก่อน หอบดัง ร้องครวญคราง หรือเดินวนเวียนในบ้าน (บางตัวอาเจียนเอาน้ำย่อยออกมาร่วมด้วย)

รักร้าว หมารู้

มนุษย์ส่วนใหญ่อ่านอารมณ์ของอีกฝ่ายจากหลายๆ บริบทร่วมกัน ซึ่งสุนัขก็ใช้สัญญาณต่างๆ ในการถอดรหัสอารมณ์และความรู้สึก เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์สังคมแบบความใกล้ชิดสูง และในปัจจุบันก็ถูกเลี้ยงภายในที่พักอาศัยซึ่งมีสิ่งเร้าน้อย การจ้องมองกิจวัตรมนุษย์ระหว่างวัน จึงเป็นเพียงกิจกรรมไม่กี่อย่างที่มันสนใจ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการแสดงเพียงเล็กน้อย พวกมันจึงสามารถตีความอารมณ์ว่าคุณโกรธ เศร้า หรือดีใจ เพียงแค่ขยับมุมริมฝีปากหรือจากคิ้วที่โค้งงอ

เมื่อคุณโกรธ ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนเครียดจะเปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีของกลิ่นและฟีโรโมน (Pheromone) โดยสัญชาตญาณและวิวัฒนาการอันยาวนานเพื่อประสิทธิภาพการได้กลิ่น สุนัขมีอวัยวะที่ชื่อ Vomeronasal organ (VNO) ไว้ตรวจจับฟีโรโมน อยู่ระหว่างเพดานปากบนและจมูก ทำให้มันเข้าใจและแปลความหมายของกลิ่นเป็นมวลอารมณ์ต่างๆ ได้ พวกเราปล่อยกลิ่นที่อยู่ใต้การตระหนักรู้จนจมูกแสนธรรมดาของมนุษย์แยกไม่ออก แต่สุนัขแยกออก

‘หมา’ กลายเป็นทรัพย์สินในการหย่า

หลายคู่จบความสัมพันธ์ด้วยการฟ้องหย่า ลูกและสัตว์เลี้ยงล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่มีการแย่งชิงสิทธิในการเลี้ยงดู ในกฎหมายของสหราชอาณาจักรถือว่าสุนัขเป็นสินทรัพย์ (Property) อย่างหนึ่ง แม้ใครๆ จะบอกว่า เมื่อเกิดการฟ้องหย่าควรให้สุนัขอยู่กับฝ่ายที่มันเคยอยู่ด้วยนานที่สุด (อย่างในกรณีเด็กที่จะพิจารณาว่าผูกพันกับพ่อหรือแม่เป็นพิเศษ ซึ่งฝ่ายหญิงล้วนได้สิทธิในการเลี้ยงดู เพราะได้เปรียบด้านความเป็นแม่)

แต่การที่สุนัขอยู่กับใครมากเป็นพิเศษก็ไม่ได้ฟันธงว่าสภาพแวดล้อมนั้นเหมาะสมกับมัน มีกรณีหนึ่งที่เกิดการฟ้องหย่าระหว่างคู่สามีภรรยาและพยายามแย่งสิทธิเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ใหญ่ ‘ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์’ ศาลตัดสินให้สุนัขอยู่กับฝ่ายชาย เนื่องจากอาชีพของเขาใช้เวลาส่วนใหญ่นอกบ้าน สุนัขสามารถเดินไปมาหาสู่ในละแวกชุมชนนั้นๆ และมีปฏิสัมพันธ์กับสุนัขตัวอื่นๆ อย่างเป็นอิสระ ตรงข้ามกับฝ่ายหญิงที่จำเป็นต้องเลี้ยงมันไว้ในบ้าน และอาจส่งผลกระทบต่อภาวะจิตใจสุนัขมากกว่า ศาลจึงมอบสิทธิให้ฝ่ายชายเป็นผู้เลี้ยงดูแทน

สุนัขเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยึดกับกิจวัตรและความเคยชิน มันค่อนข้างยึดติดกับสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยสะดวกสบาย แต่คุณก็ไม่ได้ผิดนี่! ความรักมันไม่ได้ราบรื่นอยู่แล้วแม้จะพยายามแค่ไหนก็ตา

คำแนะนำเล็กๆ เมื่อสุนัขต้องจากคนรัก

  • พยายามรักษากิจวัตรเดิมไว้ให้มากที่สุด ตั้งแต่เวลาที่คุณตื่นนอน ให้อาหารพวกมัน เล่นด้วย หรือพาไปเข้าสังคมอื่นๆ พบปะกับผู้คนที่มันเคยเจอแล้วบ้าง
  • หากคุณกลายเป็นฝ่ายที่ต้องย้ายออก พาสุนัขออกไปสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ บ้าง แต่ต้องมั่นใจว่ามีสิ่งเร้าน้อย ไม่วุ่นวาย มีข้าวของที่สุนัขผูกพันด้วยอย่างขนม ตุ๊กตาเคี้ยวเล่น เพื่อให้ความคุ้นเคยและผ่อนคลาย
  • ปรึกษาสัตวแพทย์หากสุนัขมีอาการป่วย ควรพาไปตรวจร่างกายเบื้องต้น สุนัขบางตัวมีภาวะเบื่ออาหารและสูญเสียเกลือแร่ร่วมด้ว

คุณช่วยหมา หมาก็ช่วยคุณ มีหลายงานวิจัยที่แนะนำว่าการมองตาสุนัข (ใบหน้าสุนัขแชร์ลักษณะร่วมของทารกมนุษย์ ตาโต จมูกเล็ก) ช่วยทำให้ฮอร์โมนอ๊อกซิโตซิน (Oxytocin) ฮอร์โมนแห่งความผูกพันหลั่งออกมา ช่วยลดความเครียดได้ และการลูบหัวสุนัขเบาๆ ในยามวิกฤตลดอัตราการเต้นหัวใจลงพร้อมๆกับความดันโลหิต ออกไปเดินกับสุนัขสักครึ่งชั่วโมงก็สร้างความรู้สึกดีๆให้กับคุณได้แม้ในยามอกหัก

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลดผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงจากความผูกพันที่ไม่เหมือนเดิม แต่เจ้าสี่ขาสามารถพาคุณหลุดพ้นจากช่วงเวลาแย่ๆ ได้ จนบางครั้งมนุษย์อย่างเรายังต้องเอ่ยปากขอบคุณ

Thanet Ratanakul

Thanet Ratanakul

ผู้ร่วมก่อตั้ง Baboonhub ที่สนใจอ่านงานวิจัยและอยากให้ Research Based Content เป็นที่นิยมมากขึ้น

Articles: 29