วัดไทย ศาลเจ้าจีน โบสถ์โปรตุเกส ความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่รวมอยู่ในสถานที่เพียงที่เดียว สถานที่ที่เป็นเหมือนแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็ยังเป็นชุมชนของพหุวัฒนธรรมริมน้ำอยู่ ชุมชนเก่าแก่แห่งนี้มีชื่อว่า “กุฎีจีน”
ชุมชนกุฎีจีน หรือ “กะดีจีน” ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี โดยชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสได้ตั้งรกรากในที่แห่งนี้มานาน ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสิน เมื่อได้เข้ามาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้ก็จะได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของวัฒนธรรมโบราณ 3 เชื้อชาติ 3 วัฒนธรรม ทั้งไทย จีน และโปรตุเกส หากใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวที่แห่งนี้ แนะนำให้ลองไปเที่ยวชมสักครั้ง นอกจากนี้ภายในชุมชนยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมายมายให้ได้ไปเรียนรู้ ทั้งพิพิธภัณฑ์ ขนมฝรั่งกุฎีจีน ได้เที่ยวแล้วแถมยังอิ่มท้องด้วย
ชื่อนี้หลาย ๆ คนคงเคยไปเที่ยวชมกันบ้างแล้ว เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของไทย แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยมาเที่ยวชมที่วัดแห่งนี้ อยากให้ลองเข้ามาสัมผัสความเก่าแก่ของที่นี่สักครั้ง ภายในวัดจะมีความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมแบบไทย-จีน ทั้งภายในและภายนอก วัดนี้จะมีหลวงพ่อโตที่เป็นพระประธานของวัด สิ่งที่เป็นไฮไลต์ก็คือ ระฆัง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมีปูนปั้นศิลปะของจีนให้ชม ได้สัมผัสทั้งความสวยงามความเก่าแก่เกือบ 200 ปี และยังได้ไปสั่นระฆังให้ดังไปทั่ววัดอีกด้วย
คนพูดคุยกันเสียงดัง ควันธูปที่ฟุ้งจนแสบตา สิ่งเหล่านี้ถ้าจะพูดถึงศาลเจ้าจีน ก็คงไม่เกินจริงสักเท่าไหร่ แต่เมื่อได้เข้ามาที่ “ศาลเจ้าเกียงอันเกง” ศาลเจ้าที่อยู่คู่ชุมชนกุฎีจีน เสียงพูดคุยจอแจ หรือแม้ควันธูปที่ฟุ้งโขมง กลับมีแต่ความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย “ศาลเจ้าเกียงอันเกง” ถึงจะเป็นศาลเจ้าจีน แต่กลับให้ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับศาลเจ้าที่ไหน เพราะนอกจากจะคงสภาพความเก่าแก่กว่า 200 ปีไว้แล้ว ยังปราศจากการทาสีที่ไม่ฉูดฉาดเหมือนศาลเจ้าหลังอื่น ๆ แถมยังสะอาดไม่ค่อยมีกลิ่นควันและเขม่าธูป เพราะในวันธรรมดาจะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล เช่น วันตรุษจีนก็จะมีคนเข้ามากราบไหว้กันพอสมควร หากมีโอกาสอยากให้เข้ามาดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ เก่าแก่แต่คงทน เป็นเอกลักษณ์แบบฉบับของชาวจีน
ออกมาจากศาลเจ้าเกียนอันเกงก็เดินเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยามาจะพบกับโบสถ์ซางตาครู้ส โบสถ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนกุฎีจีน “โบสถ์ซางตาครู้ส” แห่งนี้เป็นโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ กว่า 200 ปีที่อยู่คู่กับชุมชนกุฎีจีนมานาน ภายนอกของโบสถ์มียอดโดมสีแดงเด่นเป็นสง่า สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะอยู่อีกฟากของแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนภายในโบสถ์ถือเป็นไฮไลต์ที่ควรเข้าไปชมอย่างมาก เพราะมีลักษณะความโดดเด่นในเรื่องสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองค์ผสมนีโอคลาสสิค มีภาพวาด การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่สื่อถึงคริสต์ศาสนา นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ในโบสถ์แห่งนี้ยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในปราสาทของต่างประเทศ เป็นพื้นที่ความสงบของศาสนาคริสต์
ถ้าไปถึงชุมชนกุฎีจีนแล้ว อยากให้ไปลิ้มลองความอร่อยของ “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” เพราะเป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมโปรตุเกส เหมือนกับขนมไทยหลายอย่าง เช่น ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง หรือลูกชุบ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกลิ่นหอมจนตีจมูก ความนุ่มฟูของเนื้อขนม แนะนำได้ทานคู่กับชาร้อน ๆ อร่อยมาก ๆ และต้องห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนที่นี่จะต้องเข้ามาชม “พิพิธภัณฑ์”ของชุมชนนี้ ถึงจะเป็นชุมชนเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ที่นี่ก็ได้รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนเอาไว้ได้ครบครัน แม้กระทั่งอาหารการกินสมัยก่อน ก็มีให้เราได้มาดูมาสัมผัสอีกด้วย
การเข้ามาในชุมชนแห่งนี้ทำให้เห็นความหลากหลายของเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่ก่อตัวกันเป็นชุมชนกุฎีจีน ให้ได้ลองมาสำรวจพื้นที่ทางศาสนาอย่างวัด โบสถ์ ศาลเจ้า และพื้นที่ที่รวบรวมความเป็นอยู่ในสมัยก่อนอย่างพิพิธภัณฑ์ สามารถพบเจอวิถีชีวิตของชุมชนริมน้ำที่อยู่ร่วมกันอย่างเรียบง่ายและดื่มด่ำประวัติศาสตร์ของชุมชนให้เต็มที่
