หากพูดถึงบุฟเฟ่ต์สุดโปรดของใครหลาย ๆ คน ก็คงหนีไม่พ้นชาบูหม้อร้อน ไม่ว่าจะกินคนเดียว หรือกินกับแก๊งเพื่อน มานั่งล้อมวงอยู่หน้าหม้อร้อน ๆ น้ำซุปสีเข้มข้น ควันที่ลอยออกมาพร้อมกับเนื้อที่เราจุ่มลงไปในหม้อ รอไม่นานก็ยกขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้ม หยิบใส่ปาก แค่นึกภาพตามก็หิวแล้วใช่ไหมล่ะ แต่ชาบูที่เป็นที่นิยมของคนไทยมาจากไหน?
ชาบู เป็นอาหารของญี่ปุ่น จะเป็นประเภทหม้อไฟแบบหนึ่ง มีมานานตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 คล้าย ๆ กับสุกี้ยากี้ของบ้านเรา เวลาจะกินก็ต้องจุ่มลงไปในน้ำซุป และต้องมีน้ำจิ้ม เพื่อเพิ่มความอร่อย ให้รสชาติที่กลมกล่อม ในปัจจุบันชาบูมีหลากหลายแบบให้เราเลือกกิน มีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบประยุกต์ ชาบูจะมีความคล้ายกับอาหารของบ้านเราอีกอย่าง คือจิ้มจุ่มนั่นเอง และยังดีต่อสุขภาพด้วย เพราะมีผักเยอะมาก เช่น ผักกาดขาว ผักบุ้ง เห็ดนานาชนิด ให้เราเลือกกินได้ตามใจ
คำว่า “ชาบู” จริง ๆ แล้วต้องเรียกว่า “ชาบู ชาบู” เพราะคำว่า “ชาบู” ในประเทศญี่ปุ่น หมายถึงสารเสพติด ประเภทยาไอซ์ เป็นคำที่เราไม่ควรพูดในประเทศญี่ปุ่นและประเทศใกล้เคียง ต้องเรียกเมนูนี้ว่า “ชาบู ชาบู” ถึงจะถูก
ในประเทศไทยมีร้านชาบูที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ถ้านับจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็มีมาประมาณเกือบ 30 ปีแล้ว ก็คือร้าน “อะคิโยชิ” เป็นร้านแรกที่นำชาบู ชาบู มาเปิดในประเทศไทย และนอกจากจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทหม้อไฟเจ้าแรก แล้วก็ยังเป็นร้านที่มีรูปแบบการกินแบบบุฟเฟ่ต์เจ้าแรกอีกด้วย
เสน่ห์ของบุฟเฟ่ต์ คือ “ความคุ้มค่า” เพราะถ้าสั่งอาหารเป็นจานเดี่ยว เมื่อคิดเงินออกมาแล้ว ราคาที่กินจะเกินงบหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ จะมีราคาที่รู้ตั้งแต่แรก จึงไม่ต้องกังวลว่าจะกินเกินงบที่เรามีอยู่
ในร้านชาบูมีเนื้อหลายแบบให้เราเลือกกิน แต่เนื้อแบบไหนที่กินกับชาบูแล้วจะอร่อยที่สุด ข้อมูลจาก Marblefarm ผู้นำเข้าและจำหน่ายเนื้อวัว บอกว่า “เนื้อสัน” จะนิยมมาทำชาบูมากที่สุด เพราะเนื้อในส่วนนี้จะมีความนุ่มและละลายในปาก แต่สุดท้ายเนื้อที่เหมาะกับชาบูของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าใครชอบทานเนื้อแบบไหน กินกับน้ำซุปแบบไหน
ในปัจจุบันร้านชาบูมีเยอะมาก และราคาที่หลากหลาย ให้ได้เลือกกินตามสไตล์ที่เราชอบ หลายร้านยังมีบริการส่งเป็นแบบเดลิเวอรี่อีกด้วย
ประเทศไทยในอนาคตจะมีร้านชาบูเพิ่มมากขึ้น แล้วเราจะเลือกกินชาบูยังไงให้ถูกปาก ว่าแล้วเย็นนี้ก็ออกไปหาร้านชาบูกินเลยดีกว่า กินไม่หมดระวังโดนปรับนะ
