ปี 1838 แพทย์ลูกจ้างจากบริษัท East Indian Company ในอินเดีย ใช้กัญชารักษาผู้ป่วยครั้งแ
“ผู้ป่วยคนแรกหลังจากได้รับ
การรักษาด้วยกัญชา พูดเก่งขึ้นมาทันที แถมขออาหารเพิ่มด้วย” วิลเลียม บรูก โอชอเนสซี่ เขียนในบันทึกของเขา
ช่วงเย็นของวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1838 ขณะที่นายแพทย์หนุ่ม ‘วิลเลียม บรูก โอชอเนสซี่’ (William Brooke O’Shaughnessy) กำลังนั่งทอดหุ่ยอย่างสบายอ
“คุณมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยไ
จะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นหรือไร?
วิลเลียม บรูก โอชอเนสซี่ (William Brooke O’Shaughnessy) เป็นแพทย์ชาวอังกฤษที่สนใจ Cannabis indica พืชท้องถิ่นในโกลกาตา ประเทศอินเดียมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่มีแพทย์ชาวตะวันตก
ในชีวิตประจำวันของวิลเลียม
สำหรับคนอินเดียแล้ว สรรพคุณทางยาของกัญชาไม่ใช่
แม้วิลเลียม บรูก โอชอเนสซี่ จะเป็นแพทย์ ก็มีบ้างที่เขาใช้กัญชามาสั
ช่วงเวลาที่อยู่ในอินเดียนี
วิลเลียมทดลองใช้กัญชากับสั
ถึงเวลาทดลองในมนุษย์!
ผู้ป่วยมนุษย์คนแรกที่วิลเล
เหตุนี้เองที่วิลเลียมจึงรี
“ผู้ป่วยจู่ๆก็พูดเก่ง ร้องเล่นเพลง เจริญอาหารอีก แถมย้ำบอกว่าตัวเองกำลังจะห
วิลเลียม บรูก โอชอเนสซี่ เขียนในบันทึกของเขา
หลังจาก 2 ชั่วโมงที่โหวกเหวกผ่านพ้นไ
วิลเลียมชื่นใจกับการทดลองครั้งแรกของเขามาก จึงทำการทดลองต่ออีก 3 วันจนผู้ป่วยรายนี้หายดีออกจากโรงพยาบาลได้ ซึ่งหลังจากนั้นวิลเลียมได้ขยายผลไปทดลองกับผู้ป่วยโรคอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ โรคอหิวาตกโรค บาดทะยัก และพิษสุนัขบ้า เขารู้ดีว่ากัญชาไม่สามารถรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้ แต่ก็ทำให้ผู้ป่วยลดความกระวนกระวายลง ส่วนในผู้ป่วยอหิวาตกโรค ก็ทำให้ผู้ป่วยกินอาหารเพิ่มขึ้น ช่วยให้ร่างกายทดแทนน้ำที่สูญเสียไป จนค่อยๆ ฟื้นตัวและหายดี ซึ่งกรณีของบาดทะยักนั้นน่าสนใจตรงที่กล้ามเนื้อจะปวดและมีอาการเกร็งเป็นอย่างมาก (บางรายเกร็งจนกระดูกภายในหักไปเลยก็มี หรือหัวใจวายร่วมด้วย) กัญชาก็ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดการกระตุกเกร็งของผู้ป่วย
วิลเลียมทดลองกัญชาในฐานะยาอยู่อีกหลายปีจนเขามั่นใจแล้วว่า พืชกัญชาควรจะมาอยู่ในการพิจารณาของการแพทย์สมัยใหม่ จึงทำวิจัยและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการปี 1842 British Medical Journal หลังจากที่เขากลับมาอยู่ที่ลอนดอนแล้ว
งานวิจัยของเขาเป็นที่ฮือฮามากในหมู่แพทย์ตะวันตก มัน exotic แปลกประหลาด ศาสตร์สมุนไพรแห่งโลกตะวันออก (ช่วงนั้นคนในยุควิคเตอเรียเห่อความเป็นอินเดียและโลกตะวันออกด้วย) แพทย์หลายคนอยากศึกษากัญชาตามวิลเลียมบ้าง จึงรบเร้าเขาอยู่หลายครั้งหลายครา จนวิลเลียมต้องเดินทางกลับไปอินเดียอีกในปี 1844 คราวนี้โอ่อ่ากว่าเดิม มีเรือที่ดีกว่าเดิม และเงินทุนสนับสนุนในการทำวิจัย เนื่องจากมีแพทย์ประจำพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร (Queen Victoria) ติดตามมาด้วยชื่อ ‘นายแพทย์ จอห์น รัสเซลล์ เรย์โนลด์ส’ (John Russell Reynolds) นักประสาทวิทยารุ่นบุกเบิกของลอนดอน ที่มาอินเดียเพื่อศึกษากัญชาโดยเฉพาะ และทดลองเพิ่มเติมกับโรคปวดศีรษะไมเกรน และโรคลมชัก ซึ่งก็พบว่ากัญชาช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อและลดการชักกระตุกของผู้ป่วยได้
และแล้วในปี 1850 เมื่องานวิจัยพร้อม กัญชาได้ถูกจัดให้เป็นยาในเภสัชตํารับ Pharmacopoeias ในยุโรปจนค่อยๆ แพร่หลายไปยังสหรัฐอเมริกาปี 1890 นายแพทย์ จอห์น รัสเซลล์ เรย์โนลด์ส ที่ร่วมเดินทางไปอินเดียครั้งนั้น เคยเขียนในวารสาร The Lancet ที่เป็นวารสารการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดและมีเกียรติมากหัวหนึ่งของโลก โดยระบุถึงกัญชาว่า “เป็นหนึ่งในยาที่มีคุณค่ามาก เท่าที่เราเคยทำการทดลองกันมา”
กัญชาหรือ Cannabis ถูกจัดให้เป็นยาในการแพทย์ส
แต่ในปัจจุบันประชาคมกลับพิ
การผจญภัยในต่างแดนของ วิลเลียม บรูก โอชอเนสซี่ ได้บุกเบิกเปลี่ยนมุมมองการ
กระทรวงสาธารณสุขของไทยก็ปร
ในสหรัฐอเมริกา แม้รัฐบาลกลางยังไม่ได้แก้ก
แต่กัญชาเองจะยังต้องพิสูจน